https://www.bbc.com/thai/thailand-56178246
https://www.thairath.co.th/news/society/2045211
https://thestandard.co/coronavirus-vaccine-plan-3/
https://pantip.com/topic/40569630
https://www.bbc.com/thai/thailand-56178246
https://www.thairath.co.th/news/society/2045211
https://thestandard.co/coronavirus-vaccine-plan-3/
https://pantip.com/topic/40569630
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6068931
https://www.boi.go.th/index.php?page=demographic&language=th
ตัวเลขจำนวนประชากรคนไทยมีประมาณ 65 ล้านคน จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนหักกลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปีลงไป..จะเหลือ 50 ล้านคนรวมกับประชากรคนต่างชาติอีก 5 ล้านคน ตกประมาณ 55 ล้านคน จำนวนที่ 70 เปอร์เซ็นต์ก็จะเหลือประมาณ 40 กว่าล้านคนนะครับ..สธ.เตรียมเพิ่มการจัดหาวัคซีนอีก 20 ล้านโดสรวมของเดิม 61 ล้านโดส.เป็น 80 ล้านโดส.ก็น่าจะเพียงพอนะครับ วัคซีนทั้งหมดที่จะจัดหา 80ล้านโดส..ต่อประชากร 40 ล้านคน..ดูสมเหตุสมผลดีครับขอชื่นชมแนวคิดและเป้นกำลังใจ ผลักดันให้สำเร็จนะครับ
ปัญหามีอยู่ว่าความสามารถในการฉีดวัคซีนเต็มที่ต่อเดือน5ล้านโดส(จากการบรรยายเรื่องวัคซีนแห่งชาติ)จริงๆแล้วก็อาจจะฉีดไม่ถึง..แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าการจัดการวัคซีนต่อเดือน 5 ล้านโดสให้เพียงพอต่ออัตราการฉีดวัคซีนจะทำได้ราบรื่นไหม.. 80 ล้านโดสจะใช้เวลาฉีดเร็วสุด 16 เดือน...หากมีการล่าช้าของการจะหาวัคซีน..ก็อาจจะนานออกไปอีกหลายเดือนเลยครับ
https://www.bmj.com/content/372/bmj.n162
แต่มีข่าวดีจากการวิจัยเพิ่มเติมในการเว้นระยะห่างระหว่าง เข็ม1 และ 2 ให้นานออกไป 12 อาทิตย์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนได้ดีขึ้น(AZ เพิ่มจาก 70% เป็น 80%)การฉีดวัคซีนทั้งของไฟเซอร์และ modena มีแนวโน้มว่าจะฉีดห่างออกไปเช่นกัน..ถ้าเป็นแบบนี้นอกจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแล้วครอบคลุมประชากรได้มากขึ้นด้วยครับ..ตัวอย่างประเทศไทยถ้าฉีดเดือนละ 5 ล้านโดสเดิมเราฉีดห่างกัน 1 เดือนเพราะฉะนั้นใน 2 เดือนเราจะครอบคลุมคนได้แค่ 5 ล้านคนแต่ถ้าเราฉีด2เข็มห่างไป 3 เดือนเราจะครอบคลุมคนได้ถึง 10 ล้านคนในช่วง2 เดือนแรก (เพิ่มขึ้น 100%)น่าจะเป็นข่าวดีนะครับสำหรับประเทศที่จัดหาวัคซีนได้น้อยอย่างประเทศไทย
https://pantip.com/topic/40541625
1.Astrazenecaเป็นวัคซีนเชื้อเป็น (Viral vector vaccine)
ข้อดีคือสามารถกระตุ้นภูมิได้สูงทำให้มีประสิทธิภาพดีกว่า efficacy(70กว่า%) สูงกว่า(อัตราเจ็บป่วยน้อยกว่า)
ข้อเสีย ปฏิกิริยาข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนจะสูงขึ้นตาม adverse reaction ,Allergic reaction(ในวัคซีน mRNAของPfizer,กับModerna มีปฏิกิริยารุนแรงถึงขั้นanaphylaxis..ต้องรอ 30 นาทีในโรงพยาบาลเพื่อเตรียมฉีดยาแก้ถ้ามีอาการ)
2.Sinovacเป็นวัคซีนเชื้อตาย( Live Attenuated vaccine)
ข้อดี ปฏิกิริยาหลังการฉีดวัคซีนจะมีน้อยกว่าAdverse reaction ในคนสูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถทนกับผลข้างเคียงเหล่านี้ได้ ก็จะปลอดภัยกว่าที่จะใช้วัคซีนตัวนี้
ข้อเสีย ประสิทธิภาพของวัคซีนก็จะลดลง( 50กว่า%) อัตราการเจ็บป่วยก็จะมีมากกว่าแต่ไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
สรุปว่า
Astrazeneca มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าป้องกันการเกิดโรคได้ดีกว่าเหมาะกับคนที่แข็งแรงทนรับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนได้ดีน่าจะเหมาะกับกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องสัมผัสกับผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อสูงคือกลุ่มคนด่านหน้านั่นเอง
Sinovacมีความปลอดภัยสูงผลข้างเคียงไม่รุนแรงในคนสูงอายุสามารถทนรับได้ การกระตุ้นภูมิต้านทาน ขึ้นได้พอสมควรกับการป้องกันความรุนแรงของโรคลดอัตราการตายได้
ตอนนี้รัฐบาลไทยวางแผนจะเอา Sinovacไปฉีดในกลุ่มคนทำงานด่านหน้าซึ่งดูแล้วไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่..ที่ประเทศฟิลิปปินส์เขาไม่เอาSinovacไปฉีดในกลุ่มคนทำงานด่านหน้าเลยครับเพราะเหตุผลที่การกระตุ้นภูมิไม่มากพอที่จะป้องกันโรคได้ดีเท่าที่ควร..โอกาสเจ็บป่วยก็จะสูงทำให้ขาดกำลังคน..
การที่ผู้เชี่ยวชาญของไทยเสนอข้อมูลเก่าที่ทางอินโดนีเชียกำหนดให้ฉีดSinovacในกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 59 ปีเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องปัจจุบันทางอินโดนีเซียได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากผลการทดลองเฟส 3 ยืนยันความปลอดภัยแล้วได้ Approved ให้ฉีดในกลุ่มสูงอายุได้แล้ว
เราจะซื้อ Sinovacมาในราคาที่แพงกว่า astrazeneca ถึง 4 เท่า (20$ /5$)เราควรจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ
https://newsinfo.inquirer.net/1398885/health-workers-seniors-cant-get-sinovac-shots
https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-indonesia-vaccine-idUSKBN2A60I0
COVID-19 update
วันนี้ขอเสนอการรายงานแบบใหม่ในมุมมองที่แตกต่างจาก ศบค. ครับจะเอาเฉพาะข้อมูลสองแบบเท่านั้น
1.การระบาดในประเทศที่ไม่รวมจังหวัดสมุทรสาคร
2.การระบาดเฉพาะในจังหวัดสมุทรสาคร
ส่วนรายงานการระบาดทั้งประเทศที่ ศบค.รายงาน..มันทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดมาตลอดเพราะเป็นอิทธิพลจากจังหวัดสมุทรสาครเป็นส่วนใหญ่ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์โดยรวมของประเทศ..จะมีแต่ตารางและกราฟให้ดูเท่านั้นนะครับ, ส่วนผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศจะไม่พูดถึงนะครับเพราะไม่เกี่ยวกับการระบาดในประเทศ
สถานการณ์ในประเทศ(ไม่รวมสมุทรสาคร)โดยรวมดีขึ้นมากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่(25ราย),ผู้ติดเชื้อจากการตรวจเชิงรุก(2ราย)และผู้ติดเชื้อที่มาจากการเฝ้าระวังและบริการทางสาธารณสุข(10ราย)ตัวเลขลดลง, แนวโน้มของกราฟเป็นขาลงทั้งหมด
สถานการณ์ในจังหวัดสมุทรสาครผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง(132ราย),ผู้ติดเชื้อที่ไปโรงพยาบาลลดลง/(28ราย)ส่วนผู้ติดเชื้อจากการตรวจเชิงรุกเพิ่มขึ้น(104ราย)จากการเพิ่มจำนวนการตรวจเชิงรุกเพิ่มขึ้น(2917ราย)โดยรวมสถานการณ์ ดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ไปโรงพยาบาล(มีอาการป่วย), แนวโน้มมันลดลง(กราฟเส้นสีส้มลดต่ำลง)
โดยรวมสถานการณ์ทั่วไปดีขึ้นนะครับรอให้ได้วัคซีนมาแล้วเร่งฉีดในกลุ่มประชากรกลุ่มเสี่ยงกับบุคลากรทางการแพทย์ตัวเลขก็น่าจะดีขึ้นไปเรื่อยๆนะครับระหว่างนี้ต้องให้ความระมัดระวังเหมือนเดิม, สวมหน้ากากรักษาระยะห่าง,กินร้อนช้อนกลาง,ระมัดระวังความสะอาดก่อนการเข้าหาผู้ป่วยที่อ่อนแอ,ผู้สูงอายุ และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ชุมชนแออัดก็จะเป็นการดีนะครับ
https://pantip.com/topic/40512928
สถานการณ์ในประเทศโดยรวมมันไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย ปชช.ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับ ศบค. จนตัวเลขผู้ป่วย covid ลดลงมามากแล้ว ทำไมผู้ว่ากทม.จะต้องออกคำสั่งให้หยุดจัดงานตรุษจีนที่เยาวราชด้วย..แทนที่เศรษฐกิจจะได้เดินหน้ามีเงินหมุนเวียนในระบบดีขึ้นกลายเป็นว่าสิ่งที่พยายามทำมาเหมือนสูญเปล่าควรที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส..เสียดายจริงๆครับ..
แต่กลายเป็นว่ามีการจัดเทศกาลตรุษจีนในห้างกันชักชวนคนไปเที่ยวก็ยังดีนะครับ ที่ไม่ให้หยุดจัดไปด้วย..
ส่วนกราฟรายงานสถานการณ์จากข้อมูลของ ศบค. จะคล้ายๆของจังหวัดสมุทรสาครครับ มันเบี่ยงเบนให้ข้อมูลทั้งประเทศดูแย่ เพราะเหมือนเอาจังหวัดสมุทรสาคร มาเป็นตัวแทนของประเทศ ผมว่ามันไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไร ถ้าสมุทรสาครระบาดหนักมาก ก็ควบคุมพิเศษไป ปิดเมืองไปก่อน เหมือนเป็น อู่ฮั่น เมืองไทย แต่จังหวัดอื่นผ่อนคลายเถอะครับ เศรษฐกิจต้องเดินไปข้างหน้าได้แล้วครับ
https://www.matichon.co.th/covid19/news_2546799
ขอแสดงความเห็นครับ
1.การติดเชื้อในประชากรทั่วไปที่ไม่แสดงอาการเป็นการสร้าง herd immunity ที่ควรจะเป็นในการป้องกันการระบาดระยะยาวแต่ถ้ามีความเสี่ยงที่จะทำให้คนมีสุขภาพร่างกายอ่อนแอติดเชื้อแล้วมีอาการป่วยหนักถึงขั้นเสียชีวิตจึงเป็นการเสี่ยงเกินไปดังนั้นการฉีดวัคซีนจึงเป็นตัวเสริมที่เพิ่มเข้ามาในการรับประกันว่าผู้ที่มีความเสี่ยงเมื่อได้รับวัคซีนแล้วจะไม่มีอาการรุนแรงครับ
ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วก็อาจจะมีการติดเชื้อโดยไม่มีอาการ, ถ้ายังตรวจเชิงรุกต่อ ก็ยังคงเจออยู่ในชุมชนแน่นอนครับ
2.ถ้าเรายังตรวจเชิงรุกแบบไม่จำเป็น เช่นตรวจในสถานการณ์ที่การระบาดไม่รุนแรงในชุมชน,จำนวนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็ยังรองรับผู้ป่วยได้สบาย,อัตราการตายก็น้อย แล้วยังมุ่งตรวจในกลุ่มคนแข็งแรงทั่วๆไปโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อบ่งชี้ของการสืบสวนการระบาดใดๆในชุมชนมันจะไม่คุ้มเหนื่อย,สิ้นเปลืองงบประมาณและทำให้การดำเนินกิจการต่างๆในสังคมหยุดชะงักได้เพราะถ้าเกิดเจอผู้ติดเชื้อแล้วทุกคนจะต้องถูกกักตัวเวลา 14 วันอย่างนี้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปไม่ได้หรอกครับ
หลังจากหมดกลุ่มคนงานสมุทรสาคร 6 -8 หมื่นคน แล้วไม่รู้ว่าเขาจะพยายามตรวจเชิงรุกในพื้นที่ใดอีกโดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะพอแล้วนะครับเราสามารถจะประหยัดเงินค่าตรวจนำไปจัดหาวัคซีนมาฉีดให้คนในชุมชนจะดีกว่าราคาก็ถูกกว่าค่าตรวจด้วยครับ
รายงานสถานการณ์โควิด 29 ธันวาคม 2564
ชนิดของวัคซีนอธิบายแบบง่ายๆ
Sinovac price
Indonesia Rp 200,000 = 13.57 $..= 408.8 bth
ไทยซื้อราคา 641bth.ขนาด CP ถือหุ้น 15% ของ บริษัทจีน..รับไม่ได้ครับ เราจ่ายแพงกว่า 614 - 408 = 206 บาท คูณ2ล้าน ก็ตกประมาณ 400 ล้าน บาท เป็นเงินทอน
ลองเทียบค่าเงิน 30บาท ต่อ1$
614/30 = 20.47 $
Sinovac 2 โดส 41 $
Astrazeneca ราคากลาง4-8 $
คิดประมาณราคาที่ 6 $ ฉีด 2 โดส =12 $
ราคาต่างกัน 41-12= 29 $ เท่ากับ 870 บาท
2ล้านโดส ฉีด2ครั้งต่อคน ได้ฉีด1ล้านคน จำนวนเงินงบประมาณที่ต้องเสียเพิ่มขึ้น 870 ล้านบาท
คนที่ฉีด Sinovac แล้วเขาจะอนุญาติให้ดำเนินชีวิตปกติได้หรือ โดยไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบการควบคุมโรค..การทำธุรกิจ..เดินทาง..เขาจะปลดlock down ปท.ไหม..ถ้าสถานกาณ์..มันดีขึ้นเขาก็ปลดเอง..ถ้ายังไม่ดี..ถึงฉีดวัคซีีน1ล้านคน..มันก็ต้องlockdown อยู่ดี..
เรื่องนี้มันผิดปกติตั้งแต่การกลับคำพูด..และยังเร่งดำเนินโครงการที่เร่งด่วนมากๆๆๆ.
CPเขาไม่สนเงินส่วนต่างแค่นี้หรอก..ไอ้คนกลาง..เดินเรื่องนี้มันได้ไปครับ เขาเรียกเงินทอนหาไอ้คนกลางให้เจอ..CPเขาไม่ผิด..แต่โดนใช้ให้ดิวกับจีน..เขาคงได้แค่ราคาต้นทุน
ถ้าเทียบราคากับ อินโด ห่างกัน 614-208 = 206 บาท 2ล้านโดส เงินทอนน่าจะมากกว่า 400 ล่าน