วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2564

วัคซีน Sinovac จากจีนมีความจำเป็นเร่งด่วนจริงหรือ

          ราคากลาง วัคซีน Sinovacราคาตั้งแต่ 13.6-29.5 $ , Astrazeneca แค่ 4-8 $ เป็นราคากลางที่เช็คในเวปครับ..ไม่รู้ราคา ที่CP สั่งซื้อมาเท่าไร ใช้เทคโนโลยี่เก่าแล้วยังขายแพง..ไม่สนับสนุนครับถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่เห็นด้วยที่จะเอามาใช้แพงเกินคุณภาพที่ควรจะเป็น


          ตอนแรกรัฐบาลก็มีมติที่จะรอวัคซีนจาก แอสตร้าเซนเนก้า..ขนาดโรงพยาบาลเอกชนที่สั่งจองวัคซีนไฟเซอร์ยังถูกเบรกโดยอย.นายกก็มาพูดสนับสนุนว่าต้องรอให้วัคซีนปลอดภัยแน่ใจก่อนถึงจะสั่งเข้ามาฉีด ได้แค่ 2 วันต่อมามั้ง ก็เปลี่ยนคำพูดต้องเร่งจัดหาวัคซีนของบริษัทใดก็ได้เข้ามาฉีดโดยด่วนแล้วก็ทำเรื่องจัดซื้อผ่านทาง CP ดิวกับ จีน เอา Sinovac เข้ามา2ล้านโดส..ทำเรื่องตกลงวางแผนการฉีดวัคซีนเสร็จภายใน 1 อาทิตย์มันเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ  มีอะไรฟ้าผ่าลงมาหรือเปล่า..ถ้าวัคซีนราคาถูกผมจะไม่ว่าอะไรเลยแต่นี่  ค่อนข้างแพงเทียบกับเทคโนโลยีเก่าผมว่าไม่คุ้มไม่สนับสนุนครับ  โดยส่วนตัวคิดว่า astrazeneca มีประสิทธิภาพดีกว่าSinovac นิดนึง..ราคาถูกกว่าเกือบ3เท่า..ไม่รู้ว่าราคาที่ไปดิวกับจีนไว้ราคาเท่าไหร่แต่ราคากลางต่ำสุดก็ 13.6 ดอลลาร์เข้าไปแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ การระบาดรอบสอง ก็ควบคุมได้ในระดับที่ดีพอสมควร รอกลางปีรับวัคซีนที่ไทยผลิตร่วมกับ AstraZeneca ดีกว่าครับ ใช้เงินงบประมาณ ต้องประหยัดให้มากนะครับ ผมนึกว่าราคาSinovac มันถูก..อุตส่าห์พูดเชียร์ในตอนแรกว่ารัฐบาลครั้งนี้ก็ทำดูดีนะครับแต่พอไปหาข้อมูลจริงๆราคามันไม่ถูกนี่หว่า..รัฐบาลใช้เงินฟุ่มเฟือยมากเกินไปจริงๆกู้มาล้านๆบาท..ใช้ไปเกือบครึ่งนึงแล้ว..ที่เหลือยังใช้ฟุ่มเฟือยกันอย่างนี้อยู่อีกประชาชนเป็นหนี้กันทั้งปีทั้งชาติ

     อีกอย่างหนี่ง คนที่ได้รับการฉีดแล้วจะมีใบรับรองไหม ให้คนที่ฉีดแล้วสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติไหมครับ..ถ้ายังต้องถูกควบคุมเหมือนคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมันก็ไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจอะไรดีขึ้นหรอกครับ ขนาดนี้สถานการณ์ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมีแต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นสูงแต่อัตราป่วยและตาย,อัตราครองเตียงยังน้อยมากเลยครับเตียงว่างทั่วประเทศน่าจะสัก 2,500 กว่าเตียงมั้ง..ยังไม่รวมกับโรงพยาบาลสนามที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ คงอีกหลายพันเตียงเลยนะครับ    

     มันน่าสงสัยที่ว่าทำไมต้องรีบทำโคงการเร่งด่วนขนาดนี้ จัดหา,จัดซื้อ,เตรียมการ,วางแผนการกระจายวัคซีนเสร็จสรรพภายใน 1 อาทิตย์..อยากรู้เหตุผลจริงๆ 

รายงานสถานการณ์ โควิด 15/1/64





COVID-19 Update – ยอดผู้ติดเชื้อใหม่วันนี้ (15 ม.ค. 64) อยู่ที่ 188 ราย
1.จากระบบเฝ้าระวังและบริการสาธารณสุข 81 ราย 
2.คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 73 ราย
3. State quarantine 21 ราย 
4.ผป.เดินทางเข้าปท.ที่ไม่เข้าสถานกักกันโรคอีก 13 ราย
ยอดติดเชื้อสะสม 11,450 ราย 
   วันนี้ยอดผู้ป่วยรายใหม่และจํานวนผู้ติดเชื้อจากการตรวจเชิงรุกในชุมชนก็ลดลงเยอะทีเดียว(เส้นสีเขียวและเส้นสีแดงลดลงตามกันมา)
จํานวนผู้ติดเชื้อจากการเฝ้าระวังและการบริการทั่วไปตัวเลขเพิ่มขึ้นเล็กน้อยครับ
     ความพยายามในการตรวจเชิงรุกเป็นตัวเลขของคนงานต่างชาติและคนไทยในโรงงานครับ(ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติเป็นคนงานที่สมุทรสาคร)ตัวเลขลดลงไปเยอะคงไม่มีการเพิ่มขึ้นของกลุ่มClusterใหญ่ๆกลุ่มใหม่ที่น่ากลัวแล้วครับ  หมดห่วงไปเยอะเลย    
       ส่วนตัวเลขที่ได้จากการเฝ้าระวังและการบริการ(น่าจะเป็นกลุ่มที่เข้าข่าย p u i คือน่าจะมีอาการมีประวัติเสี่ยงแล้วมาขอรับการตรวจ)กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 3คน แสดงว่า การระบาดที่มีผลจากกลุ่มclusterก่อนหน้านี้น่าจะใกล้จบแล้วครับ, ตัวเลขในสถานกักกันโรค..ไม่มีผลต่อการระบาดในชุมชนนะครับขอข้ามไปเลย
     โดยรวมสถานการณ์ผ่อนคลายไปมากทีเดียว รอให้การตรวจเชิงรุกเจอน้อยลงไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เลิกตรวจไปเองละครับ
     น่าจะมีตัวเลขจำนวนผู้ป่วยอาการเล็กน้อย,อาการหนักและอัตราการครองเตียงเพื่อดูความสามารถในการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลต่างๆรองรับได้เพียงพอไหม จะยิ่งทำให้ประชาชนคลายกังวลมากขึ้นนะครับ
     อยากให้เข้าใจตรงกันว่าเราต้องการควบคุมปริมาณคนไข้ไม่ให้สูงเกินไปเกินความสามารถในการรองรับของโรงพยาบาลต่างๆเป็นจุดประสงค์หลักนะครับไม่ใช่มาตรวจหาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการในชุมชนไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามีการเพิ่มขึ้นของกลุ่มClusterใหญ่ๆขึ้นมา, การตรวจเชิงรุกก็น่าจะมีประโยชน์กับการสอบสวนโรค แต่ถ้ามันไม่มีแล้ว ควรหยุดพักเถอะครับสงสารเจ้าหน้าที่ เขาเหนื่อยล้ามานานหลายวันแล้วเก็บแรงไว้สู้กับเหตุการณ์รุนแรงข้างหน้าดีกว่า..การระบาดรอบ 2 ใกล้จะจบแล้วครับ
     ระมัดระวังใส่หน้ากากรักษาระยะห่างล้างมือด้วยแอลกอฮอล์บ่อยๆหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงนี้โดยไม่จำเป็น..พื้นที่เสียงในกรุงเทพฯยังไม่น่าไว้ใจ หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่เสียงแออัดคนก็ดีนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น